“ท่วมเรื้อรัง ” ชาวบ้าน-นร. โยธินฯ สุดทน ร้องสื่อ เดือดร้อนหนัก ฝนหยุดแล้ว น้ำยังไม่ลด
จากกรณี ฝนตกหนักใช่วงกลางดึกของวันที่ 21 พ.ย.2561ที่ผ่านมาในหลายพื้นที่ทั้ง 23 อำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช โดยฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง ทำให้ระดับน้ำในลำคลองสายต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเป็นเหตุให้ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและสวนยางในหลายพื้นที่ จนชาวบ้านต้องขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูงในช่วงดึกชุลมุน และน้ำยังท่วมถนนหลายสายรถเล็ก ไม่สามารถผ่านไปมาได้โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ฝนที่ตกอย่างหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง ทำให้ระดับน้ำไม่สามารถระบายได้ทัน จนเกิดน้ำท่วมถนนและตรอซอกซอยต่างๆ ในระดับสูงเกือบทุกซอย บ้านเรือนราษฎรที่อยู่ในที่ต่ำ น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านหลายหลัง จนชาวบ้านต้องรีบขนสิ่งของอพยพขึ้นไว้ที่สูงด้วยความชุลมุนในช่วงเช้ามืด โดยเฉพาะถนนหน้าตลาดสดคูขวาง ถนนเพนียด ถนนบ่ออ่าง ถนนท่าโพธิ์ ถนนประตูลอด ถนนมุมป้อม ถนนประตูขาว และอีกหลายสายตามที่หลายสำนักข่าวได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อ 21 พ.ย.2561 เวลา 12.30 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากราษฎร ถึงความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จึงได้ลงพื้นที่ ถนนซอยหลังโรงเรียนโยธินบำรุง หมู่ที่ 1 ถนนอ้อมค่าย ตำบลปากพูน อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตเทศบาลเมืองปากพูน ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ติดต่อกันกับเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งห่างจากตัวเมืองไม่ไกลมากนักว่า แม้ขณะนี้ ฝนได้หยูดตก และระดับน้ำในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชจะลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่พื้นที่ดังกล่าวยังมีน้ำท่วมขังจนสร้างความเดือดร้อนให้กับคนในชุมชนเป็นอย่างหนัก อีกทั้งถนนซอยแห่งนี้ เป็นถนนซอยที่เป็นทางเข้าออกของนักเรียนโรงเรียนโยธินบำรุง ซึ่งในช่วงเช้าและตอนเลิกเรียน จะมีเด็กนักเรียนเดินเข้าออก ผู้ปกครองมาคอยรับส่งนักเรียนกันพลุกพล่านการสัญจรคับคั่งอยู่แล้วเพราะเป็นถนนซอยเล็ก หากเกิดฝนตกหนักจนทำให้เกิดน้ำท่วมซอยในแต่ละครั้งเข้าไปอีก ก็จะยิ่งทำให้การสัญจรในถนนซอยแห่งนี้เข้าไปอีก จนทำให้เห็นภาพน่าเวทนากันจนชินตา…!!!
ผุ้ร้องทุกข์รายเดิมยังกล่าวต่อว่า เหตุที่ร้องสื่อให้เข้ามาช่วยเหลือวันนี้ เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านได้ร้องทุกข์ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับผู้นำชุมชนจนถึงระดับท้องถิ่นให้เข้ามาช่วยหารือและช่วยหาทางร่วมกันแก้ไขในปัญหาดังกล่าว เพราะเมื่อเกิดฝนตกหนักในแต่ละครั้ง กว่าน้ำจะระบายหมดบางครั้งก็ใช้เวลา 2-3 วัน ทั้งๆที่จุดที่มีน้ำขัง มีระยะทางเพียงประมาณ 100 กว่าเมตร เท่านั้น แต่ดูเหมือนทุกครั้งที่ร้องทุกข์ไปเหมือนไม่ได้รับความสนใจจากหน่วยงานต่างๆเลย มีเพียงบางหน่วยงาน เช่น พวกพี่ๆทหาร ที่นำรถมารับส่ง อำนวยความสะดวกให้บางครั้งบางคราวเท่านั้น
นอกจากเกิดผลกระทบหนักต่อการสัญจรแล้ว สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ ตนห่วงเรื่องคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน เพราะเมื่อเกิดน้ำท่วมขังเป็นเวลานานๆ ก็จะเกิดการเน่าเหม็น เมื่อใครไปสัมผัส เดินลุยน้ำ หรือแช่น้ำนานๆ ก็อาจทำให้เกิดโรคที่มากับน้ำได้ ตนจึงอยากร้องผ่านสื่อส่งผ่านไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน ให้ช่วยเข้ามาดูแล แก้ไขปัญหานี้ให้หมดไปจากชุมชนโดยด่วน ผู้ร้องทุกข์กล่าว